ก๋วยเตี๋ยว

1. ก๋วยเตี๋ยวเรือหมูน้ำตก (สูตรเนรัญชลา)

ก๋วยเตี๋ยวเรือเมนูสุดโปรดของใครหลายคน ไปแห่งหนตำบลไหนก็ต้องเจอและแวะกินอยู่ร่ำไป แต่ละเจ้าต่างมีสูตรเด็ดที่ไม่สามารถล้วงเคล็ดลับความอร่อยได้ สำหรับใครอยากขายก๋วยเตี๋ยวเรือหมูน้ำตก สูตรน้ำซุปหอม ตักราดลงบนเส้นแล้วไม่จืดชืด เตรียมปากกากับกระดาษมาจดเร็ว [สูตรจาก เฟซบุ๊ก กินดี อยู่ดี By เนรัญชลา]

foody-mobile-hg-jpg-920-636377849577145243.jpg

ส่วนผสม น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเรือ

• น้ำเปล่า 10 ลิตร (ถ้าใช้น้ำมากขึ้น สัดส่วนของเครื่องปรุงและส่วนผสมต่าง ๆ ก็ต้องคูณเพิ่มไปด้วยเช่นกัน)
• เครื่องตุ๋นหมูน้ำข้น 2 ชุด (ล้างน้ำให้สะอาดก่อนนำไปต้ม)
• ลูกกระวานไทย 5 ลูก
• ใบกระวาน 3 ใบ
• เกลือป่น 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
• กระดูกเอียวเล้ง 1 กิโลกรัม
• กระเทียมดอง 5 หัว
• น้ำกระเทียมดอง 1/2 ถ้วยตวง
• รากขึ้นฉ่าย 5 ราก
• ข่าแก่ (ยาว 2 นิ้ว) บุบพอแตก 1 ท่อน
• ซีอิ๊วขาว (สูตร 1) 1/2 ถ้วยตวง
• ซอสปรุงรสฝาเขียว 1/2 ถ้วยตวง
• น้ำตาลมะพร้าว 150-200 กรัม
• ซีอิ๊วดำ 7-8 ช้อนโต๊ะ
• เต้าหู้ยี้โขลกละเอียด 10 ก้อน
• ใบเตย 8 ใบ
• เลือดหมูสด 2 ถ้วยตวง
• ใบตะไคร้

ส่วนผสม หมูหมัก (สูตรหมักหมูนุ่มด้วยวิธีธรรมชาติ)

• เนื้อสะโพกหมูหั่นสไลซ์เป็นชิ้นบาง 1 กิโลกรัม
• ไข่แดง 2 ฟอง
• แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
• ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
• ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม เครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยว

• เส้นก๋วยเตี๋ยว (ตามชอบ)
• ถั่วงอกดิบและลวกสุก
• พริกไทยป่น
• ขึ้นฉ่ายซอย
• ผักชีฝรั่งซอย
• หมูหมัก
• ลูกชิ้นหมูอย่างดี
• ตับหมูหั่นบาง ๆ
• น้ำซุป
• กากหมูเจียว หรือ แคบหมูเจียว
• กระเทียมเจียว
• ใบโหระพา

วิธีทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว

1. ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อก๋วยเตี๋ยว นำขึ้นตั้งไฟแรง ใส่เครื่องตุ๋นหมูน้ำข้นลงไป 2 ห่อ ตามด้วยลูกกระวาน ใบกระวาน และเกลือป่น ปิดฝาต้มให้เดือด

2. เมื่อน้ำเดือดแล้วจึงใส่กระดูกเอียวเล้งลงไป ปิดฝาหม้อต้มจนเดือดแล้วจึงหรี่ไฟให้เหลือไฟอ่อน ๆ

3. ใส่กระเทียมดองและน้ำกระเทียมดองลงไป ตามด้วยรากขึ้นฉ่าย ข่าแก่ และใบเตย
4. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส น้ำตาลมะพร้าว และซีอิ๊วดำ
5. ปิดฝาหม้อ เคี่ยวด้วยไฟอ่อนต่อไปเรื่อย ๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง (เพราะจะทำให้ความหวานตามธรรมชาติในกระดูกนั้นละลายออกมากับน้ำซุป ยิ่งต้มนานก็ยิ่งอร่อย)

4. เมื่อน้ำซุปเดือดได้ที่แล้ว ใส่เต้าหู้ยี้ลงไป
5. นำเลือดหมูสดมาขยำกับใบตะไคร้ในภาชนะสักครู่ ขยำเสร็จแล้วนำไปกรองด้วยกระชอนตาถี่ ๆ จากนั้นตักน้ำก๋วยเตี๋ยวขึ้นมาสักกระบวย ใส่ลงไปในภาชนะที่ใส่เลือดหมู ใช้ช้อนคนเร็ว ๆ ให้เข้ากัน
6. เร่งไฟแรงขึ้นแล้วละลายเลือดใส่ลงไปในหม้อน้ำซุป คนเล็กน้อยให้พอเข้ากัน แล้วลดไฟอ่อนลงตามเดิม

วิธีทำหมูนุ่ม

• คลุกเคล้าเนื้อหมูกับไข่แดง แป้งข้าวโพด น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว และซอสปรุงรส ให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 3 ชั่วโมง (เราก็จะได้เนื้อหมูที่นุ่มและไม่เหนียว)

วิธีทำจัดเสิร์ฟ

• 1. ลวกถั่วงอกและลวกเส้นในน้ำเดือด ๆ ใส่ไว้ในชาม (การที่จะลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวให้อร่อย ได้เส้นไม่ดิบไม่แฉะนั้นจะต้องลวกในน้ำที่ร้อนจัด ๆ และลวกเร็ว ๆ) ก่อนใส่ลงชามก็สะบัดตะกร้อสักหน่อยเพื่อให้สะเด็ดน้ำ ตักน้ำมันกระเทียมเจียวสักเล็กน้อยนำลงไปคลุกเคล้ากับเส้น
• 2. โรยพริกไทยป่น ตามด้วยขึ้นฉ่ายซอย และผักชีฝรั่งซอย
• 3. ลวกหมูที่หมักเอาไว้ ตามด้วยตับหมูกับลูกชิ้น จากนั้นก็ตักน้ำซุปลงราด
• 4. โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวกับกากหมู เสิร์ฟพร้อมถั่วงอกดิบและใบโหระพา

borktor-yam-zap-noodle-17-1050x592.jpg

9 สูตรก๋วยเตี๋ยวยอดนิยม
อ้างอิง  https://cooking.kapook.com

อาหารภาคอีสาน

isan-food-111260-8.jpg

เครื่องปรุง ลาบหมู

  1. หมูสันในบดละเอียด 1 กิโลกรัม
  2. เลือดหมู (คั้นด้วยใบกระเพรา ตะไคร้) 2 ช้อนโต๊ะ
  3. เครื่องเทศสำหรับลาบ 1 ช้อนโต๊ะ
  4. มะแขว่น คั่วป่นละเอียด 1 ช้อนชา
  5. พริกขี้หนูแห้ง คั่วป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  6. กระเทียมเจียว 1/2 ถ้วย
  7. หอมแดงเจียว 1/2 ถ้วย
  8. ข่าซอย 1 ช้อนโต๊ะ
  9. ตะไคร้ซอย 3 หัว
  10. รากผักชีซอย 11/2 ช้อนโต๊ะ
  11. กะปิ 1 ช้อนแกง
  12. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  13. กระเทียม 2 หัว
  14. หอมแดง 5 หัว

วิธีทำ ลาบหมู

  1. โขลกเครื่องเทศให้ละเอียด
  2. นำหมูมาเติมเลือด
  3. ใส่เครื่องเทศที่ตำละเอียดแล้ว คนให้เข้ากัน แล้วชิมดู เติมน้ำปลา
  4. นำไปคั่วให้สุก ยกลง ใส่ต้นหอม ผักชี ผักไผ่ ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ซอย คนให้เข้ากัน ตักใส่จานโรยด้วยหอมแดงเจียว กระเทียมเจียว รับประทานกับผักไผ่ สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง ต้นหอม กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ถั่วฝักยาว สะเดา คาวตอง ยอดมะกอก

    อ้างอิง   https://www.pstip.com

อาหารภาคเหนือ

     หากพูดถึงอาหารพื้นบ้านภาคเหนือแล้ว หลายคนอาจจะนึกถึงเมนูยอดนิยมอย่าง น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว แคบหมู แต่รู้หรือไม่ว่าอาหารเหนือนั้นยังมีอีกหลากหลายที่ลำแต๊แต๊เช่นกัน หากลองดูสูตรด้านล่างเหล่านี้แล้ว จะรู้ว่าคุณเองก็สามารถทำเมนูอาหารภาคเหนือให้ลำแต๊แต๊แบบนี้ได้ จะมีเมนูเด็ดๆ แบบไหนบ้างไปดูกันเลย

ด แาิ้ใ.jpg

1) ข้าวซอยไก่

หนึ่งในอาหารภาคเหนือยอดนิยม ย่อมหนีไม่พ้น ข้าวซอยไก่ เพราะความอร่อยของเส้นบะหมี่เหนียวนุ่ม น่องไก่เปื่อยกำลังดีที่มาพร้อมน้ำแกงเข้มข้นหอมกลิ่นเครื่องเทศ

เพียงทำตามสูตรนี้ก็อร่อยเด็ดได้โดยไม่ต้องไปถึงร้านที่เชียงใหม่

ดูสูตร “ข้าวซอยไก่” คลิก https://goo.gl/Q58PmL

ดูสูตร “ข้าวซอยเนื้อ” คลิก https://goo.gl/QGRkzr

อ้างอิง   https://www.knorr.com

ขนมชั้นใบเตย

ขนมชั้นใบเตย ขนมไทยสีสันสดใส เนื้อเหนียวนุ่ม

ขนมชั้นที่เรากินกันทุก ๆ วันจะเห็นว่า มีหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบชิ้นสี่เหลี่ยมเป็นชั้น ๆ แบบที่เป็นรูปดอกไม้ หรือนำมาพันเป็นขนมชั้นดอกกุหลาบก็มี และหลายคนก็อาจจะเข้าใจไปว่า ขนมชั้นนั้นทำยาก จริง ๆ แล้วง่ายกว่าที่คิดเยอะ ส่วนผสมก็มีไม่กี่อย่างเท่านั้น วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยนำวิธีทำขนมชั้นมาฝาก เป็นสูตรทำง่าย ๆ จาก คุณ RinS Cook Book (#Rinscookcook) ถ้าอยากจะลองทำขนมชั้นกินเอง ก็ลองมาดูมาชมกันต่อได้เลยจ้า

ก้า.jpg

หมายเหตุ : ขนมชั้น 1 ชิ้น ให้พลังงานประมาณ 92 กิโลแคลอรี่

ส่วนผสม ขนมชั้น

• น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วย
• น้ำกะทิ 4 ถ้วย
• แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
• แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
• แป้งท้าวยายม่อม 1 1/2 ถ้วย (หรือแป้งถั่วเขียว)
• น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/2 ถ้วย
• น้ำหอมกลิ่นมะลิผสมน้ำ 1/2 ถ้วย
• ถาดหรือพิมพ์สี่เหลี่ยมสำหรับนึ่งขนม (ขนาด 10×10 นิ้ว หรือ 8×8 นิ้ว)
วิธีทำขนมชั้น

ขนมชั้น

​​ ใส่น้ำตาลทรายและกะทิลงในหม้อ คนผสมให้เข้ากันแล้วนำขึ้นตั้งไฟปานกลางประมาณ 5 นาที จนน้ำตาลทรายละลาย (ไม่ต้องรอให้เดือด) ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น

นึ่งถาดหรือพิมพ์ในชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด ประมาณ 15 นาที เตรียมไว้

ขนมชั้น

ขนมชั้น

ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และแป้งท้าวยายม่อมเข้าด้วยกัน ค่อย ๆ เทส่วนผสมน้ำกะทิลงไป ใช้มือนวดแป้งให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว นวดประมาณ 15 นาที จนแป้งไม่จับตัวเป็นก้อน จากนั้นนำไปกรองด้วยตะแกรง

ขนมชั้น

​ แบ่งแป้งเป็น 2 ถ้วย โดยถ้วยที่ 1 ผสมกับน้ำใบเตย และถ้วยที่ 2 ผสมกับน้ำมะลิ คนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้

ขนมชั้น

ทำชั้นที่ 1 โดยเทส่วนผสมสีขาว (เทส่วนผสมทุกชั้นประมาณ 1/3 ถ้วย) ลงในพิมพ์ ปิดฝา นึ่งประมาณ 5 นาที เปิดฝา เทส่วนผสมสีเขียวลงไป ปิดฝา นึ่งประมาณ 5 นาที ทำซ้ำเช่นเดิม สลับชั้นกันจนหมดแป้ง จะได้ประมาณ 9-10 ชั้น โดยชั้นสุดท้าย ให้นึ่งประมาณ 7 นาที ยกออกจากชุดนึ่ง วางพักทิ้งไว้จนเย็นสนิท (ประมาณ 3 ชั่วโมง)

ขนมชั้น

นำขนมออกจากถาด จุ่มมีดลงในน้ำร้อน กดลงบนขนมเป็นชิ้น ๆ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

จริง ๆ แล้วขนมชั้นแบบไทย ๆ ก็ไม่ได้ทำยากอย่างที่คิด ส่วนผสมก็ไม่เยอะ ถึงแม้ขั้นตอนการทำจะดูยุ่งยากไปสักนิด แต่เราก็ได้ขนมชั้นฝีมือตัวเองไว้กินเล่น ๆ แล้ว

อ้างอิง  https://www.sanook.com

ขนมน้ำดอกไม้

photo.jpg

ส่วนผสม

  1. แป้งข้าวจ้าว 3/4 ถ้วย
  2. แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
  3. แป้งท้าวยายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำเปล่า 1 1/4 ถ้วย
  5. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  6. กลิ่นมะลิ 1/2 ช้อนชา
  7. เกลือนิดหน่อย
  8. สีตามชอบ
  9. น้ำเปล่าเย็นจัด

ขั้นตอน

  • นำส่วนผสมทุกอย่างผสมกันโดยใช้มือเท่านั้น

  • เมื่อส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันแล้วก็แบ่งน้ำแป้งอย่างละชามแล้วผสมสีที่เตรียมไว้ถ้ามีหลายสี

  • ตั้งหม้อนึ่งใส่ขนม

  • สุกแล้วหน้าตาจะเป็นแบบนี้ให้เอาน้ำเย็นจัดเทไว้สักครู่ ใช้ไม้จิ้มฟันแกะออกนะจ๊ะ

     
    อ้างอิง

     

    https://www.google.co.th

ขนมตาล

ส่วนผสม สำหรับ 60ชิ้น

แป้งข้าวจ้าว500กรัม เนื้อตาลยี150กรัม เกลือ1ช้อนชา น้ำตาล450กรัม ผงฟู1ช้อนแกง กะทิกล่องหัวกะทิ1กล่องใหญ่ มะพร้าวขูดเส้นไว้โรยหน้า

บงฃ

 

วิธีทำ

เวลาเตรียมส่วนผสม: 40 นาที เวลาปรุงอาหาร: 20 นาที 1 เทแป้งข้าวจ้าว ใส่เกลือ คลุกให้เข้ากัน 2 ใส่น้ำกะทิทีละ1ทัพพี ค่อยๆนวด นวดไปเติมไป ให้เปนเนื้อเดียวกัน อย่าให้เละอย่าให้แฉะนะ (2-3ทัพพี)ก่อน 3 ใส่เนื้อตาลลงไป แล้วก็นวดให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน (ถ้าแข็งไปนวดแล้วแป้งแตกก็ค่อยๆเติมกระทิลงไป) เคล็ดลับ: เนื้อตาลยีที่เค้ายีไว้แล้ว ดมดูนะค่ะถ้ามีรสเปรี้ยวกลิ่นเปรี้ยวให้ล้างก่อน1น้ำ ค่อยเอามาทำขนม 4 ใส่น้ำตาลทรายลงไป นวดจนน้ำตาลละลาย จนเป็นเนื้อเดียวกัน 5 ใส่กระทิส่วนที่เหลือลงไปเรื่อยๆ พร้อมกับนวดคลายแป้ง นวดไปเติมไป 6 เสร็จพักแป้งไว้สัก1ชัาวโมง แล้วใส่ผงฟูลงไปคนๆให้เข้ากัน 7 ตักใส่ถ้วยตะไล หรือ กระทงใบตอง โรยมะพร้าวขูดคลุกเกลือ จุดเตาให้ร้อนน้ำเดือนก็ยกขึ้นนึ่งได้เลย ใช้เวลานึ่งขนม20-25นาที (ใช้ไฟแรงนะขนมจะได้ฟูสวย)

งาน.jpg

 

อ้างอิง  https://www.google.co.th

 

โปรแกรมถ่ายทอดสด วอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2018 “เวิร์คพอยท์” ยิงสดสาวไทยทุกนัด

สา.jpg

กองเชียร์ทัพลูกยางสาวไทย เตรียมตัวเตรียมใจลุ้นพวกเธออีกครั้งในศึกวอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์โลก 2018 ซึ่งถือเป็นรายการไฮไลต์ส่งท้ายประจำปีนี้ที่ประเทศญี่ปุ่น

โดยในรอบแรกมี 24 ทีม แบ่งเป็น 4 กลุ่ม กลุ่มละ 6 ทีม สาวไทยอยู่ในกลุ่มซี แข่งที่สนามโกเบ กรีน อารีน่า เมืองโกเบ ร่วมสายหินกับ สหรัฐอเมริกา, รัสเซีย, เกาหลีใต้, อาเซอร์ไบจาน และ ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ซึ่งอันดับที่ 1-4 ของแต่ละกลุ่มจะได้ผ่านเข้าสู่รอบที่ 2 ต่อไป

สำหรับวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก ถือเป็นรายการใหญ่ที่จัด 4 ปีครั้ง มีความสำคัญคือนอกจากเรื่องศักดิ์ศรีแล้ว ผลการแข่งขันในรายการนี้ยังส่งผลต่อการจัดอันดับโลก ซึ่งจะมีผลต่อรอบคัดเลือกโอลิมปิก 2020 ในปีหน้าด้วย ซึ่งถ้าหากสาวไทยทำผลงานในรายการนี้ได้ดี ก็อาจได้เจอคู่แข่งในรอบคัดเลือกที่ง่ายขึ้น เพื่อปูทางไปโอลิมปิก รอบสุดท้าย นั่นเอง

ติดตามเชียร์ทัพตบสาวไทย ในศึกวอลเลย์บอลหญิงชิงแชมป์โลก 2018 ที่ประเทศญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ 29 ก.ย. – 20 ต.ค. 2561 ถ่ายทอดสดทางช่องเวิร์คพอยท์ทีวี ช่อง 23

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน 2561
เวลา : 17.20 น.
ไทย พบ เกาหลีใต้

วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน 2561  
เวลา : 17.20 น.
ไทย พบ รัสเซีย

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม 2561  
เวลา : 14.10 น.
ไทย พบ ตรินิแดดและโตเบโก

วันพุธที่ 3 ตุลาคม 2561
เวลา : 17.20 น.
ไทย พบ สหรัฐอเมริกา

วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม 2561
เวลา : 14.10 น.
ไทย พบ อาเซอร์ไบจาน

อ้างอิง  https://www.sanook.com/

น้องปาลิน” โพสท่าอินเนอร์ได้แม่ “เป้ย ปานวาด” น่าเอ็นดูทุกช็อต

คุณแม่ลูกสองคนสวย เป้ย ปานวาด เพิ่งอัปเดตภาพหลังคลอด คุณแม่กลับมาสวยหุ่นเป๊ะเหมือนเดิมแล้ว หลังจากลูกสาวคนเล็ก “น้องปาลิน” ลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่วัน และลูกสาวคนนนี้ก็ดูจะฉายแววนางแบบตั้งแต่เด็กแล้ว

41986241_494820247650526_7321882618807284231_n_1537936546.jpg

>> “เป้ย ปานวาด” หุ่นเข้าที่เร็วมาก อัปเดตภาพ 8 วัน หลังคลอด “น้องปาลิน”

ดูจากเซ็ทภาพของแม่เป้ยกับน้องปาลินที่เป็นนางแบบถ่ายรูปด้วยกัน ดูแล้วอบอุ่นหัวใจเหลือเกิน แม่ลูกสายหวาน ภาพออกมาละมุนมาก น้องปาลินมีความถอดแบบแม่เป้ยมาทั้งหน้าตา และท่าทางการโพส แม้จะหลับอยู่แต่อินเนอร์ได้แม่เป้ยมาเลยนะลูก

xk.jpg

ว่าที่ดารานางแบบในอนาคตแน่ๆ น้องปาลินลูกสาวคนสวยของแม่เป้ย ปานวาด

อ้างอิง  https://www.sanook.com

 

ตามรอยพ่อ! เรียนรู้เกษตรเศรษฐกิจพอเพียง ตามรอยวิถี ‘ในหลวง ร.9

ปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์

กด.jpg

การนำมะนาวไปปลุกในบ่อซีเมนต์ทำให้สามารถปลูกมะนาวนอกฤดูได้ ซึ่งก็ไม่ได้ยากกว่าการปลูกในแปลกทั่วไป อีกทั้งการจัดการก็ง่าย เพราะต้นที่อยู่ในบ่อซีเมนต์ก็จะเป็นพุ่มเท่าเหมือนกับการปลูกในแปลงนั้นเอง พื้นที่ในการปลูกนั้นต้องมีแดดที่ส่องถึง และในตอนที่ฝนตกนำจะต้องไม่ขังตรงบรรเวณที่ปลูก แนะนำให้เว้นพื่นที่ในการปลูกประมาน 3×4,4×4,4×5 เมตร

 

การเลือกใช้ดิน มีสว่นผสมอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด ได้แก่หน้าดิน มูลวัวเก่า แกลบเศษไม้ ให้นำเอามาคลุกให้เข้ากันหลังจากที่ใส่ดินลงไปในซีเมนแล้วให้ทำการขุดตรงกลางให้มีขนาดที่พอดีกับกิ่งชำ ไม่ควรขุดลึก และทำการกลบดินให้แน่นพอดีและสุดท้ายให้ปักไม้ค้ำลงไปแล้วรดน้ำต้นไม้เป็นอันเสร็จ

 

 

เปิดกฎเหล็ก 9 ประการของเหล่าทัพ ทหารคนไหนฝ่าฝืนถือว่ากระทำผิด!! ก่อนพบกับบทลงโทษที่ได้รับ

จากกรณีน้องเมยที่สังคมไทยกำลังเฝ้าติดตาม ที่มีการพาดพิงถึงบทลงโทษวินัยทางทหาร ดังนั้นจึงขอพามาดูตัวอย่างการกระทำผิดวินัยทหารที่กล่าวไว้ในพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พุทธศักราช 2476

จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มาตรา 5  วินัยเป็นหลักสำคัญที่สุดสำหรับทหาร เพราะฉะนั้นทหารทุกคนจักต้องรักษาโดยเคร่งครัดอยู่เสมอ ผู้ใดฝ่าฝืนท่านให้ถือว่าผู้นั้นกระทำผิด

สานฝร.jpg

 

ตัวอย่างการกระทำผิดวินัยทหาร มีดังต่อไปนี้

1) ดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเหนือตน

2) ไม่รักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่ผู้น้อย

3) ไม่รักษามรรยาทให้ถูกต้องตามแบบธรรมเนียมของทหาร

4) ก่อให้แตกความสามัคคีในคณะทหาร

5) เกียจคร้าน ละทิ้ง หรือเลินเล่อต่อหน้าที่ราชการ

6) กล่าวคำเท็จ

7) ใช้กิริยาวาจาไม่สมควร หรือประพฤติไม่สมควร

8) ไม่ตักเตือนสั่งสอน หรือลงทัณฑ์ผู้ใต้บังคับบัญชาที่กระทำผิดตามโทษานุโทษ

9) เสพเครื่องดองของเมาจนถึงเสียกิริยา

ทัณฑ์ที่จะลงแก่ผู้กระทำผิดต่อวินัยทหารให้มีกำหนดเป็น 5 สถาน คือ

1) ภาคทัณฑ์ คือ ผู้กระทำผิดมีความผิดอันควรต้องรับทัณฑ์สถานหนึ่งสถานใดดังกล่าวมาแล้ว แต่มีเหตุอันควรปราณี จึงเป็นแต่แสดงความผิดของผู้นั้นให้ปรากฏหรือให้ทำทัณฑ์บนไว้

2) ทัณฑกรรม  คือ ให้กระทำการสุขา การโยธา ฯลฯ เพิ่มจากหน้าที่ประจำซึ่งตนจะต้องปฏิบัติอยู่แล้ว หรือปรับให้อยู่เวรยาม นอกจากหน้าที่ประจำ

3) กัก คือ กักตัวไว้ในบริเวณใดบริเวณหนึ่งตามแต่จะกำหนดให้

4) ขัง คือ ขังในที่ควบคุมแต่เฉพาะคนเดียวหรือรวมกันหลายคนแล้วแต่จะได้มีคำสั่ง

5) จำขัง คือ ขังโดยส่งไปฝากให้อยู่ในความควบคุมของเรือนจำทหาร

นอกจากทัณฑ์ที่กล่าวไว้นี้ ห้ามมิให้คิดขึ้นใหม่ หรือใช้วิธีลงทัณฑ์อย่างอื่นเป็นอันขาด