ก๋วยเตี๋ยว

1. ก๋วยเตี๋ยวเรือหมูน้ำตก (สูตรเนรัญชลา)

ก๋วยเตี๋ยวเรือเมนูสุดโปรดของใครหลายคน ไปแห่งหนตำบลไหนก็ต้องเจอและแวะกินอยู่ร่ำไป แต่ละเจ้าต่างมีสูตรเด็ดที่ไม่สามารถล้วงเคล็ดลับความอร่อยได้ สำหรับใครอยากขายก๋วยเตี๋ยวเรือหมูน้ำตก สูตรน้ำซุปหอม ตักราดลงบนเส้นแล้วไม่จืดชืด เตรียมปากกากับกระดาษมาจดเร็ว [สูตรจาก เฟซบุ๊ก กินดี อยู่ดี By เนรัญชลา]

foody-mobile-hg-jpg-920-636377849577145243.jpg

ส่วนผสม น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเรือ

• น้ำเปล่า 10 ลิตร (ถ้าใช้น้ำมากขึ้น สัดส่วนของเครื่องปรุงและส่วนผสมต่าง ๆ ก็ต้องคูณเพิ่มไปด้วยเช่นกัน)
• เครื่องตุ๋นหมูน้ำข้น 2 ชุด (ล้างน้ำให้สะอาดก่อนนำไปต้ม)
• ลูกกระวานไทย 5 ลูก
• ใบกระวาน 3 ใบ
• เกลือป่น 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
• กระดูกเอียวเล้ง 1 กิโลกรัม
• กระเทียมดอง 5 หัว
• น้ำกระเทียมดอง 1/2 ถ้วยตวง
• รากขึ้นฉ่าย 5 ราก
• ข่าแก่ (ยาว 2 นิ้ว) บุบพอแตก 1 ท่อน
• ซีอิ๊วขาว (สูตร 1) 1/2 ถ้วยตวง
• ซอสปรุงรสฝาเขียว 1/2 ถ้วยตวง
• น้ำตาลมะพร้าว 150-200 กรัม
• ซีอิ๊วดำ 7-8 ช้อนโต๊ะ
• เต้าหู้ยี้โขลกละเอียด 10 ก้อน
• ใบเตย 8 ใบ
• เลือดหมูสด 2 ถ้วยตวง
• ใบตะไคร้

ส่วนผสม หมูหมัก (สูตรหมักหมูนุ่มด้วยวิธีธรรมชาติ)

• เนื้อสะโพกหมูหั่นสไลซ์เป็นชิ้นบาง 1 กิโลกรัม
• ไข่แดง 2 ฟอง
• แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
• ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
• ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม เครื่องปรุงก๋วยเตี๋ยว

• เส้นก๋วยเตี๋ยว (ตามชอบ)
• ถั่วงอกดิบและลวกสุก
• พริกไทยป่น
• ขึ้นฉ่ายซอย
• ผักชีฝรั่งซอย
• หมูหมัก
• ลูกชิ้นหมูอย่างดี
• ตับหมูหั่นบาง ๆ
• น้ำซุป
• กากหมูเจียว หรือ แคบหมูเจียว
• กระเทียมเจียว
• ใบโหระพา

วิธีทำน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว

1. ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อก๋วยเตี๋ยว นำขึ้นตั้งไฟแรง ใส่เครื่องตุ๋นหมูน้ำข้นลงไป 2 ห่อ ตามด้วยลูกกระวาน ใบกระวาน และเกลือป่น ปิดฝาต้มให้เดือด

2. เมื่อน้ำเดือดแล้วจึงใส่กระดูกเอียวเล้งลงไป ปิดฝาหม้อต้มจนเดือดแล้วจึงหรี่ไฟให้เหลือไฟอ่อน ๆ

3. ใส่กระเทียมดองและน้ำกระเทียมดองลงไป ตามด้วยรากขึ้นฉ่าย ข่าแก่ และใบเตย
4. ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส น้ำตาลมะพร้าว และซีอิ๊วดำ
5. ปิดฝาหม้อ เคี่ยวด้วยไฟอ่อนต่อไปเรื่อย ๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง (เพราะจะทำให้ความหวานตามธรรมชาติในกระดูกนั้นละลายออกมากับน้ำซุป ยิ่งต้มนานก็ยิ่งอร่อย)

4. เมื่อน้ำซุปเดือดได้ที่แล้ว ใส่เต้าหู้ยี้ลงไป
5. นำเลือดหมูสดมาขยำกับใบตะไคร้ในภาชนะสักครู่ ขยำเสร็จแล้วนำไปกรองด้วยกระชอนตาถี่ ๆ จากนั้นตักน้ำก๋วยเตี๋ยวขึ้นมาสักกระบวย ใส่ลงไปในภาชนะที่ใส่เลือดหมู ใช้ช้อนคนเร็ว ๆ ให้เข้ากัน
6. เร่งไฟแรงขึ้นแล้วละลายเลือดใส่ลงไปในหม้อน้ำซุป คนเล็กน้อยให้พอเข้ากัน แล้วลดไฟอ่อนลงตามเดิม

วิธีทำหมูนุ่ม

• คลุกเคล้าเนื้อหมูกับไข่แดง แป้งข้าวโพด น้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว และซอสปรุงรส ให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ในตู้เย็นอย่างน้อย 3 ชั่วโมง (เราก็จะได้เนื้อหมูที่นุ่มและไม่เหนียว)

วิธีทำจัดเสิร์ฟ

• 1. ลวกถั่วงอกและลวกเส้นในน้ำเดือด ๆ ใส่ไว้ในชาม (การที่จะลวกเส้นก๋วยเตี๋ยวให้อร่อย ได้เส้นไม่ดิบไม่แฉะนั้นจะต้องลวกในน้ำที่ร้อนจัด ๆ และลวกเร็ว ๆ) ก่อนใส่ลงชามก็สะบัดตะกร้อสักหน่อยเพื่อให้สะเด็ดน้ำ ตักน้ำมันกระเทียมเจียวสักเล็กน้อยนำลงไปคลุกเคล้ากับเส้น
• 2. โรยพริกไทยป่น ตามด้วยขึ้นฉ่ายซอย และผักชีฝรั่งซอย
• 3. ลวกหมูที่หมักเอาไว้ ตามด้วยตับหมูกับลูกชิ้น จากนั้นก็ตักน้ำซุปลงราด
• 4. โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียวกับกากหมู เสิร์ฟพร้อมถั่วงอกดิบและใบโหระพา

borktor-yam-zap-noodle-17-1050x592.jpg

9 สูตรก๋วยเตี๋ยวยอดนิยม
อ้างอิง  https://cooking.kapook.com

อาหารภาคอีสาน

isan-food-111260-8.jpg

เครื่องปรุง ลาบหมู

  1. หมูสันในบดละเอียด 1 กิโลกรัม
  2. เลือดหมู (คั้นด้วยใบกระเพรา ตะไคร้) 2 ช้อนโต๊ะ
  3. เครื่องเทศสำหรับลาบ 1 ช้อนโต๊ะ
  4. มะแขว่น คั่วป่นละเอียด 1 ช้อนชา
  5. พริกขี้หนูแห้ง คั่วป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  6. กระเทียมเจียว 1/2 ถ้วย
  7. หอมแดงเจียว 1/2 ถ้วย
  8. ข่าซอย 1 ช้อนโต๊ะ
  9. ตะไคร้ซอย 3 หัว
  10. รากผักชีซอย 11/2 ช้อนโต๊ะ
  11. กะปิ 1 ช้อนแกง
  12. เกลือ 1/2 ช้อนชา
  13. กระเทียม 2 หัว
  14. หอมแดง 5 หัว

วิธีทำ ลาบหมู

  1. โขลกเครื่องเทศให้ละเอียด
  2. นำหมูมาเติมเลือด
  3. ใส่เครื่องเทศที่ตำละเอียดแล้ว คนให้เข้ากัน แล้วชิมดู เติมน้ำปลา
  4. นำไปคั่วให้สุก ยกลง ใส่ต้นหอม ผักชี ผักไผ่ ผักชีฝรั่ง สะระแหน่ซอย คนให้เข้ากัน ตักใส่จานโรยด้วยหอมแดงเจียว กระเทียมเจียว รับประทานกับผักไผ่ สะระแหน่ ผักชีฝรั่ง ต้นหอม กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ถั่วฝักยาว สะเดา คาวตอง ยอดมะกอก

    อ้างอิง   https://www.pstip.com

อาหารภาคเหนือ

     หากพูดถึงอาหารพื้นบ้านภาคเหนือแล้ว หลายคนอาจจะนึกถึงเมนูยอดนิยมอย่าง น้ำพริกหนุ่ม ไส้อั่ว แคบหมู แต่รู้หรือไม่ว่าอาหารเหนือนั้นยังมีอีกหลากหลายที่ลำแต๊แต๊เช่นกัน หากลองดูสูตรด้านล่างเหล่านี้แล้ว จะรู้ว่าคุณเองก็สามารถทำเมนูอาหารภาคเหนือให้ลำแต๊แต๊แบบนี้ได้ จะมีเมนูเด็ดๆ แบบไหนบ้างไปดูกันเลย

ด แาิ้ใ.jpg

1) ข้าวซอยไก่

หนึ่งในอาหารภาคเหนือยอดนิยม ย่อมหนีไม่พ้น ข้าวซอยไก่ เพราะความอร่อยของเส้นบะหมี่เหนียวนุ่ม น่องไก่เปื่อยกำลังดีที่มาพร้อมน้ำแกงเข้มข้นหอมกลิ่นเครื่องเทศ

เพียงทำตามสูตรนี้ก็อร่อยเด็ดได้โดยไม่ต้องไปถึงร้านที่เชียงใหม่

ดูสูตร “ข้าวซอยไก่” คลิก https://goo.gl/Q58PmL

ดูสูตร “ข้าวซอยเนื้อ” คลิก https://goo.gl/QGRkzr

อ้างอิง   https://www.knorr.com

ขนมชั้นใบเตย

ขนมชั้นใบเตย ขนมไทยสีสันสดใส เนื้อเหนียวนุ่ม

ขนมชั้นที่เรากินกันทุก ๆ วันจะเห็นว่า มีหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบชิ้นสี่เหลี่ยมเป็นชั้น ๆ แบบที่เป็นรูปดอกไม้ หรือนำมาพันเป็นขนมชั้นดอกกุหลาบก็มี และหลายคนก็อาจจะเข้าใจไปว่า ขนมชั้นนั้นทำยาก จริง ๆ แล้วง่ายกว่าที่คิดเยอะ ส่วนผสมก็มีไม่กี่อย่างเท่านั้น วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยนำวิธีทำขนมชั้นมาฝาก เป็นสูตรทำง่าย ๆ จาก คุณ RinS Cook Book (#Rinscookcook) ถ้าอยากจะลองทำขนมชั้นกินเอง ก็ลองมาดูมาชมกันต่อได้เลยจ้า

ก้า.jpg

หมายเหตุ : ขนมชั้น 1 ชิ้น ให้พลังงานประมาณ 92 กิโลแคลอรี่

ส่วนผสม ขนมชั้น

• น้ำตาลทราย 2 1/2 ถ้วย
• น้ำกะทิ 4 ถ้วย
• แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
• แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
• แป้งท้าวยายม่อม 1 1/2 ถ้วย (หรือแป้งถั่วเขียว)
• น้ำใบเตยคั้นเข้มข้น 1/2 ถ้วย
• น้ำหอมกลิ่นมะลิผสมน้ำ 1/2 ถ้วย
• ถาดหรือพิมพ์สี่เหลี่ยมสำหรับนึ่งขนม (ขนาด 10×10 นิ้ว หรือ 8×8 นิ้ว)
วิธีทำขนมชั้น

ขนมชั้น

​​ ใส่น้ำตาลทรายและกะทิลงในหม้อ คนผสมให้เข้ากันแล้วนำขึ้นตั้งไฟปานกลางประมาณ 5 นาที จนน้ำตาลทรายละลาย (ไม่ต้องรอให้เดือด) ยกลงจากเตา พักทิ้งไว้จนเย็น

นึ่งถาดหรือพิมพ์ในชุดนึ่งที่มีน้ำเดือด ประมาณ 15 นาที เตรียมไว้

ขนมชั้น

ขนมชั้น

ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และแป้งท้าวยายม่อมเข้าด้วยกัน ค่อย ๆ เทส่วนผสมน้ำกะทิลงไป ใช้มือนวดแป้งให้เข้ากันเป็นเนื้อเดียว นวดประมาณ 15 นาที จนแป้งไม่จับตัวเป็นก้อน จากนั้นนำไปกรองด้วยตะแกรง

ขนมชั้น

​ แบ่งแป้งเป็น 2 ถ้วย โดยถ้วยที่ 1 ผสมกับน้ำใบเตย และถ้วยที่ 2 ผสมกับน้ำมะลิ คนผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้

ขนมชั้น

ทำชั้นที่ 1 โดยเทส่วนผสมสีขาว (เทส่วนผสมทุกชั้นประมาณ 1/3 ถ้วย) ลงในพิมพ์ ปิดฝา นึ่งประมาณ 5 นาที เปิดฝา เทส่วนผสมสีเขียวลงไป ปิดฝา นึ่งประมาณ 5 นาที ทำซ้ำเช่นเดิม สลับชั้นกันจนหมดแป้ง จะได้ประมาณ 9-10 ชั้น โดยชั้นสุดท้าย ให้นึ่งประมาณ 7 นาที ยกออกจากชุดนึ่ง วางพักทิ้งไว้จนเย็นสนิท (ประมาณ 3 ชั่วโมง)

ขนมชั้น

นำขนมออกจากถาด จุ่มมีดลงในน้ำร้อน กดลงบนขนมเป็นชิ้น ๆ จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

จริง ๆ แล้วขนมชั้นแบบไทย ๆ ก็ไม่ได้ทำยากอย่างที่คิด ส่วนผสมก็ไม่เยอะ ถึงแม้ขั้นตอนการทำจะดูยุ่งยากไปสักนิด แต่เราก็ได้ขนมชั้นฝีมือตัวเองไว้กินเล่น ๆ แล้ว

อ้างอิง  https://www.sanook.com

ขนมน้ำดอกไม้

photo.jpg

ส่วนผสม

  1. แป้งข้าวจ้าว 3/4 ถ้วย
  2. แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ
  3. แป้งท้าวยายม่อม 1 ช้อนโต๊ะ
  4. น้ำเปล่า 1 1/4 ถ้วย
  5. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
  6. กลิ่นมะลิ 1/2 ช้อนชา
  7. เกลือนิดหน่อย
  8. สีตามชอบ
  9. น้ำเปล่าเย็นจัด

ขั้นตอน

  • นำส่วนผสมทุกอย่างผสมกันโดยใช้มือเท่านั้น

  • เมื่อส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันแล้วก็แบ่งน้ำแป้งอย่างละชามแล้วผสมสีที่เตรียมไว้ถ้ามีหลายสี

  • ตั้งหม้อนึ่งใส่ขนม

  • สุกแล้วหน้าตาจะเป็นแบบนี้ให้เอาน้ำเย็นจัดเทไว้สักครู่ ใช้ไม้จิ้มฟันแกะออกนะจ๊ะ

     
    อ้างอิง

     

    https://www.google.co.th

ขนมตาล

ส่วนผสม สำหรับ 60ชิ้น

แป้งข้าวจ้าว500กรัม เนื้อตาลยี150กรัม เกลือ1ช้อนชา น้ำตาล450กรัม ผงฟู1ช้อนแกง กะทิกล่องหัวกะทิ1กล่องใหญ่ มะพร้าวขูดเส้นไว้โรยหน้า

บงฃ

 

วิธีทำ

เวลาเตรียมส่วนผสม: 40 นาที เวลาปรุงอาหาร: 20 นาที 1 เทแป้งข้าวจ้าว ใส่เกลือ คลุกให้เข้ากัน 2 ใส่น้ำกะทิทีละ1ทัพพี ค่อยๆนวด นวดไปเติมไป ให้เปนเนื้อเดียวกัน อย่าให้เละอย่าให้แฉะนะ (2-3ทัพพี)ก่อน 3 ใส่เนื้อตาลลงไป แล้วก็นวดให้เข้ากันจนเป็นเนื้อเดียวกัน (ถ้าแข็งไปนวดแล้วแป้งแตกก็ค่อยๆเติมกระทิลงไป) เคล็ดลับ: เนื้อตาลยีที่เค้ายีไว้แล้ว ดมดูนะค่ะถ้ามีรสเปรี้ยวกลิ่นเปรี้ยวให้ล้างก่อน1น้ำ ค่อยเอามาทำขนม 4 ใส่น้ำตาลทรายลงไป นวดจนน้ำตาลละลาย จนเป็นเนื้อเดียวกัน 5 ใส่กระทิส่วนที่เหลือลงไปเรื่อยๆ พร้อมกับนวดคลายแป้ง นวดไปเติมไป 6 เสร็จพักแป้งไว้สัก1ชัาวโมง แล้วใส่ผงฟูลงไปคนๆให้เข้ากัน 7 ตักใส่ถ้วยตะไล หรือ กระทงใบตอง โรยมะพร้าวขูดคลุกเกลือ จุดเตาให้ร้อนน้ำเดือนก็ยกขึ้นนึ่งได้เลย ใช้เวลานึ่งขนม20-25นาที (ใช้ไฟแรงนะขนมจะได้ฟูสวย)

งาน.jpg

 

อ้างอิง  https://www.google.co.th

 

ขนมครก

ขนม.jpg

ขนมครก เป็นขนมไทยโบราณชนิดหนึ่ง ทำจากแป้งน้ำตาลและกะทิ แล้วเทลงบนเตาหลุม เวลาจะรับประทานต้องแคะออกมา เป็นแผ่นวงกลม แล้วมักวางประกบกันตอนรับประทาน เป็นขนมของไทยที่มีมาตั้งแต่โบราณ นอกจากนี้ยังพบในพม่า ลาว และอินโดนีเซีย โดยชาวอินโดนีเซียเรียกว่าเซอราบี

ประวัติ

มีหลักฐานว่าขนมครกเป็นที่นิยมแพร่หลายมาตั้งแต่สมัยอยุธยา มีการทำเตาขนมครกขายตั้งแต่ยุคนั้น ขนมครกแต่เดิมใช้ข้าวเจ้าแช่น้ำ โม่รวมกับหางกะทิ ข้าวสวย และมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย ผสมเกลือเล็กน้อยใช้เป็นตัวขนม ส่วนหน้าของขนมครกเป็นหัวกะทิ ขนมครกชาววังจะมีการดัดแปลงหน้าขนมครกให้แปลกไปอีก เช่น หน้ากุ้ง (แบบเดียวกับข้าวเหนียวหน้ากุ้ง) หน้าไข่ หน้าหมู (แบบเดียวกับไส้ปั้นสิบ) หน้าเผือก หน้าข้าวโพด หน้าต้นหอม

ประเภทของขนมครก

ขนมครกมอญ

เป็นขนมเก่าแก่ของชาวมอญ ปัจจุบันเหลือที่ชุมชนมอญตำบลเกาะเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรีเพียงแห่งเดียว ใช้ข้าวเหนียวดิบแช่น้ำจนชุ่มมาละเลงในเบ้าขนมครก ไส้เป็นมะพร้าวทึนทึกขูด น้ำตาลทรายและงาคั่ว เคล้าให้เข้ากัน

ขนมครกชาววัง

เป็นขนมครกที่เทแป้งลงในเบ้าให้ติดๆกัน และมีหน้าหยอด หลากหลาย เช่น เผือก มัน ฝอยทอง ฯลฯ เวลาสุกจะร่อนออกมา แล้วจึงตัดแบ่งออกรับประทาน

ส่วนผสม


    </div>
    </li>
    “>

  1. * ตัวแป้งขนม
  2. แป้งข้าวจ้าว 1 ถ้วย
  3. หัวกะทิ 1/2 ถ้วย
  4. หางกะทิ 1+1/2 ถ้วย
  5. น้ำตาลทราย 3/4 ถ้วย
  6. ** หน้าขนม
  7. หัวกะทิ 1 ถ้วย
  8. ดอกเกลือ (ใช้เกลือธรรมดาก็ได้ค่ะ) 1/2 ชช.
  9. ใบต้นหอมซอย 1 ชต.
  10. *** น้ำมันมะพร้าว ใช้เช็ดถาดขนม 2 ชต.

ขั้นตอน

    </div>

    </div>


    เพิ่มรูป

    </div>

    </div>


    เพิ่มรูป

    </div>

    </div>


    เพิ่มรูป

    </div>

    </div>


    </div>
    </div>
    </div>
    </li>
    “>

  1. วิธีทำ

    ผสมแป้ง น้ำตาลทราย ใส่หัวกะทิลงไป นวดแป้งให้เข้ากันดี เติมหางกะทิ คนให้เข้ากัน พักแป้งไว้ 2 ชม.

    เตรียมหน้าขนม ผสมกะทิ ดอกเกลือ คนให้เข้ากัน แล้วใส่ใบหอมซอยลงไป

    ตั้งถาดขนมครกบนเตา ใช้ผ้าทำเป็นลูกกลมๆ เหมือนลูกประคบ ชุบน้ำมันเช็ดให้ทั่วถาด
     รอจนถาดร้อนดี ตักแป้งที่เตรียมไว้หยอดลงไป ปิดฝาไว้สักพักพอแป้งเริ่มสุก หยอดหน้าขนมครกลงไป แล้วปิดฝาต่ออีก 3 นาที หรือจนหน้าขนมสุก
    ใช้ช้อนแคะออกจากหลุมขนมครก วางใส่จาน
    อ้างอิง

สูตร ยำหอยแครง เมนูเด็ดชวนน้ำลายสอ

ถ้าพูดถึงเมนูแซ่บ ๆ ซี้ด ๆ หลายคนคงจะพูดถึงเมนู “ยำหอยแครง” ใช่ไหมล่ะคะ เพราะนอกจากเอาหอยแครงมาลวกจิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดแล้ว การเอาหอยแครงมาทำยำนี่ก็เด็ด! ฟินเหมือนเห็นสวรรค์อยู่ตรงหน้า แต่วันนี้จิ๋วจะพาเพื่อน ๆ มาทำยำหอยแครงสูตรยำน้ำใส แบบที่ไม่ใส่พริกเผาแบบทั่ว ๆ ไป จิ๋วบอกเลยว่าสูตรนี้เด็ด จะมีเคล็ดลับยังไงตามจิ๋วมาทำเลย! อ่านต่อได้ที่

ยำ.jpg

หอยแครง ไม่ว่าจะนำมาลวกหรือย่างก็อร่อยจิ้มกับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ นำมาทำเป็นยำก็อร่อยเหมือนกัน นำหอยแครงสดๆ มาลวกให้พอสุก ยำกับสมุนไพรไทยอย่างตะไคร้ซอยและเครื่องยำอีกมากมายพูดแล้วก็เปรี้ยวปากไปดูขั้นตอนการทำกันเลยดีกว่าค่ะ

ส่วนผสม

  • หอยแครง 1 กิโลกรัม
  • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
  • พริกแดงซอย ตามชอบ
  • น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ
  • หอมแดงซอย
  • ตะไคร้ซอย
  • มะม่วงน้ำดอกไม้สับ ครึ่งลูก
  • ใบสะระแหน่

วิธีทำ

  1. ลวกหอยแครงใช้เวลา 1 นาที หากอยากได้แบบสุกมากก็ลวกต่อเป็น 2 นาที เสร็จแล้วแกะหอยออกจากเปลือกวางพักไว้
  2. ทำน้ำยำโดยใส่น้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลทราย คนให้น้ำตาลละลาย
  3. ใส่พริกแดงซอยปริมาณตามที่ต้องการ หากต้องเผ็ดก็เพิ่มได้ จากนั้นก็ใส่น้ำพริกเผา หอมแดงซอย ตะไคร้ซอยและมะม่วงสับ คลุกให้เข้ากันแล้วโรยด้วยใบสะระแหน

 

อ้างอิง https://www.wongnai.com

เจ๊ดาปูไข่ดองเยาวราช สุดยอดแห่งสตรีทฟู้ด

เจ๊ดาปูไข่ดองเยาวราช สุดยอดแห่งสตรีทฟู้ดที่แค่เห็นภาพก็น้ำลายแตก!!!

ปุ.jpg

 

 

ใครผ่านไปผ่านมาแถวเยาวราชแล้วเห็นคนต่อแถวมุงกันอยู่ริมฟุตบาท บริเวณหน้าร้านขายทองทองใบ ไม่ต้องแปลกใจเลยครับ เพราะตอนนี้คุณกำลังอยู่หน้าร้านสตรีทฟู้ดที่กำลังมีชื่อเสียงอย่างมากในตอนนี้ กับร้านเจ๊ดาปูดองเยาวราช

 

ในแต่ละวันจะมีผู้คนเดินทางมาลิ้มลองชิมรสชาติความอร่อยที่หาทานได้ยากจากร้านนี้ ร้านเจ๊ดาปูดองจะให้บริการขายทั้งปูไข่ดองและอาหารทะเลชนิดอื่นๆ ดองด้วย เช่น กั้งดองน้ำปลา กุ้งแช่น้ำปลา หอยดอง หอยตลับดองเป็นต้น

ซึ่งทีเด็ดของร้านเจ๊ดาก็คือมีบริการยำของทะเลดองให้ด้วย ซึ่งเครื่องเคียงยำนั้นก็จัดเต็มทั้งผัก ทั้งพริก และที่ขาดไม่ได้ก็คือน้ำยำสูตรเด็ดของทางร้าน ที่ทำให้หลายๆ คนติดใจ

22140974_1828591664098376_302

ปูไข่ดองไข่เยิ้มราดด้วยน้ำยำรสแซ่บผสมกับผักนานาชนิด นั่งทานกันริมถนนแบบนี้ได้อรรถรสสุดๆ หรือใครจะสั่งกลับบ้านก็อร่อยเหมือนเดิมไม่เสียรสชาติแน่นอน

นอกจากเมนูยำปูไข่ดองแล้ว ก็ยังมียำกั้งดองน้ำปลา อีกด้วย กั้งของร้านนี้ก็ไม่ธรรมดา เพราะแทบทุกตัวจะเป็นกั้งไข่ที่กำลังมันวาวจากการดองน้ำปลาเต็มที่แค่เห็นภาพก็น้ำลายสอแล้วจริงๆ

และที่ถือเป็นสุดยอดแห่งเมนูห้ามพลาดสำหรับร้านนี้ก็คือยำรวมทะเลดอง ที่เจ๊ดาจะนำเอาสารพัดอาหารทะเลดองมาใส่รวมกันแล้วยำให้เราทานแบบจัดเต็ม ใครที่ชอบทานยำแซ่บๆ นี่หากได้กินเมนูนี้ไปคงเหมือนได้ขึ้นสวรรค์แน่นอน

ใครอยากจะลองลิ้มชิมรสชาติความอร่อยระดับตำนานแบบนี้ สามารถไปได้ที่บริเวณหน้าห้างทองทองใบ สาขาเยาวราช อาหารอร่อยราคาไม่แพง แถมสะอาดไม่มีกลิ่นคาวด้วย คนชอบทานปูดองต้องไปลองสักครั้งครับ!

Image

ข้อมูลเพิ่มเติม

ที่ตั้งร้านเจ๊ดา : บริเวณหน้าห้างทองทองใบ ถนน เยาวราช แขวง จักรวรรดิ์ เขต สัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร

เบอร์โทร : 088 495 0553

เวลาเปิด – ปิด : 9.00 – 17.00 น. หยุดทุกวันจันทร์

อ้างอิง  http://www.sanook.com/

เครื่องดื่มรสละมุนสีสันคัลเลอร์ฟูล

 

ฉีกกฎเครื่องดื่มจากนมสด พบกับเมนูนมเย็นโฉมใหม่ แต่งแต้มสีสันหลากสไตล์ ดื่มอร่อยหอมละมุนเติมความเฮลท์ตี้
น้ำ.jpg
จากที่เคยจับนมสด ชงกับน้ำหวานสีแดงเป็นเครื่องดื่มสีชมพูหรือนมเย็นที่คุ้นเคย ลองเปลี่ยนสไตล์มาทำเมนูนมเย็นแบบอื่น ๆ บ้างดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำเมนูนมเย็น เช่น นมเย็นอัญชัน นมเย็นสตรอว์เบอร์รี เสาวรสนมสดเย็น เป็นต้น ดื่มอร่อยเย็นฉ่ำดีต่อใจสุดยอด

 

1. นมเย็น

เริ่มต้นกันที่เครื่องดื่มนมเย็นสุดคลาสสิก จับนมสดเติมน้ำหวานสีแดง ใครจะเติมนมข้นหวานหรือไม่เติมก็ได้ ก่อนเสิร์ฟราดนมข้นจืดหน่อย แหม… แก้วนี้สีชมพูสวยฟรุ้งฟริ้งเชียวล่ะ

content-0032072-1441104790.jpg

ส่วนผสม นมเย็น

• นมสด 150 มิลลิลิตร
• นมข้นหวาน 30 มิลลิลิตร
• น้ำหวานสีแดง 2 ช้อนชา
• นมข้นจืด (โรยหน้า)

วิธีทำนมเย็น

1. ผสมนมสด นมข้นหวาน และน้ำหวานเข้าด้วยกันจนเป็นสีชมพู
2. เทใส่แก้วที่มีน้ำแข็ง ราดด้วยนมข้นจืด หรือวิปปิ้งครีม พร้อมเสิร์ฟ

+ ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ 13 สูตรเครื่องดื่มสีชมพู เติมความรักเต็มแก้ว หวานละมุนรับวาเลนไทน์

อ้างอิง  https://cooking.kapook.com