บ้าน 3 หลัง 3 จังหวัดของผู้ชายดื้อเพราะความเชื่อ “ตูน บอดี้สแลม”

ตุน.jpg

 

เปิดตัวกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับภาพยนตร์สารคดี 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว ภาพยนตร์ที่นำเสนอโครงการ ก้าวคนละก้าว ที่ ตูน-อาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องนำวง Bodyslam ตลอดการวิ่ง 55 วัน จากเบตงถึงแม่สาย ในแง่มุมที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน สิ่งที่ผู้ชายคนนี้ทำตลอดระยะเวลา 55 วันได้พิสูจน์ถึงความเชื่อที่แรงกล้าของเขาในการทำทุกสิ่งทุกอย่าง จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดผู้ชายที่ชื่อตูน บอดี้สแลมถึงประสบความสำเร็จและกลายเป็นฮีโร่ของใครหลายๆ คน

 

Sanook! Home จึงอยากพาทุกคนไปย้อนชมผลแห่งความสำเร็จของผู้ชายคนนี้ในรูปแบบของการสร้างบ้าน ซึ่งสำหรับหลายๆ คนก็น่าจะเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกันกับตูน สำหรับบ้านของตูน บอดี้สแลมนั้นมีอยู่ทั้งหมด 3 หลัง 3 จังหวัด ทั้งบ้านที่กรุงเทพฯ บ้านที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และบ้านที่จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดบ้านเกิด

1.บ้านตูน บอดี้สแลมที่กรุงเทพฯ

บ้านที่กรุงเทพฯ น่าจะเป็นที่พักผ่อนที่ตูน บอดี้สแลม ใช้เวลาอยู่บ่อยครั้ง แม้จะเดินทางไปร้องเพลงต่างจังหวัดบ่อยๆ แต่บ้านที่กรุงเทพฯ ก็เป็นบ้านที่น่าพักผ่อนของตูน บอดี้สแลมไม่แพ้บ้านอีก 2 หลังเพราะร่มรื่น น่าอยู่ แถมยังมีห้องซ้อมดนตรี ทำงานเพลงเป็นห้องขนาดใหญ่ และเพื่อนซี้สี่ขาที่น่ารัก

 

2.บ้านตูน บอดี้สแลมที่สุพรรณบุรี

บ้านที่จังหวัดสุพรรณบุรีหลังนี้เป็นบ้านเรือนไทยที่ตูน ควักกระเป๋ารีโนเวทบ้านหลังเดิมเพื่อมอบเป็นของขวัญวันครบรอบแต่งงานให้กับคุณพ่อ-คุณแม่ของตนเอง ซึ่งกว่าจะมาเป็นเรือนไทยหลังงามหลังนี้บ้านหลังนี้มีเรื่องราวความเป็นมาตั้งแต่สมัยคุณปู่ เพราะพื้นที่บ้านส่วนหนึ่งเดิมเคยเป็นโรงสีธุรกิจตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ต่อมาส่งต่อมายังรุ่นคุณพ่อ

แต่เดิมมีบ้าน 2 หลังในพื้นที่เดียวกัน หลังหนึ่งเป็นบ้านที่ตูนเกิด อาศัยและวิ่งเล่นมาตั้งแต่เด็กในรูปแบบเรือนครึ่งตึกครึ่งไม้ ส่วนเรือนไม้อีกหลังเป็นบ้านเรือนไทย ส่วนอีกหลังตูนสร้างขึ้นใหม่เพื่อให้คุณพ่อ คุณแม่อยู่ในช่วงที่ตนเองไปเรียนและทำงานที่กรุงเทพฯ พื้นที่รอบตัวบ้านมีต้นไม้ พันธุ์ไม้ต่างๆ มากมาย จึงทำให้บริเวณรอบบ้านร่มรื่น ในที่สุดเมื่อตูนมีชื่อเสียง ทำงาน มีเงินจึงตัดสินใจรีโนเวทบ้านหลังนี้เพื่อมอบเป็นของขวัญให้คุณพ่อกับคุณแม่

3.บ้านตูน บอดี้สแลมที่บางสะพาน

บ้านพักตากอากาศติดริมทะเลที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์น่าอยู่มาก เพราะเป็นบ้านติดริมทะเล ตัวบ้านเป็นอาคารสองหลังที่อยู่ขนานกัน ตรงกลางมีสระน้ำขนาดย่อมๆ ด้านหน้าตัวบ้านเป็นสนามหญ้าขนาดใหญ่ พร้อมพื้นที่หาดส่วนตัวด้านหน้า ที่เด็ดกว่านั้นคือวิวสะพานที่ทอดตัวยาวลงไปใน

สำหรับภาพยนตร์สารคดี 2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว จะฉายให้ชมฟรี ตั้งแต่วันที่ 6-16 กันยายน 2561 ที่โรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และโรงภาพยนตร์ในเครือ เอส เอฟ วันจันทร์-ศุกร์ ฉายให้ชม 1 รอบ ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ฉายให้ชม 2 รอบ อีกทั้งยังมีการเชิญชวนให้ร่วมบริจาคเงินเพื่อหารายได้ซื้ออุปกรณ์การแพทย์ เพื่ออาคารนวมินทรบพิตร ๘๔ พรรษา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล อาคารหลังสุดท้ายที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานนามให้ เพื่อผู้ป่วยด้อยโอกาส โรงพยาบาลศิริราช และผลิตบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่ต่อไป โดยมี คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ร่วมสนับสนุนการฉายภาพยนตร์ “2,215 เชื่อ บ้า กล้า ก้าว” ให้คนไทยได้ชมฟรีจำนวน 720,000 ที่นั่งอีกด้วย

อ้างอิง www.sanook.com

เทคนิคแต่งห้อง

 

ภาพกพ.jpg

คุณพ่อคุณเเม่อาจจะคิดว่าสภาพเเวดล้อมภายในห้องอาจจะไม่สำคัญต่อพัฒนาการของลูก เเต่รู้ไหมว่า แท้จริงแล้วการที่จะช่วยให้ลูกน้อยยิ่งเก่งยิ่งฉลาดได้นั้น สามารถทำได้ง่ายสุดๆ ด้วยการเเต่งห้อง

การตกเเต่งห้องลูกช่วยให้ลูกฉลาดอย่างไร หลายคนอาจสงสัย หลักๆ เเล้ว ผ่านการมองเห็น การกระตุ้นการมองเห็นของลูกในวัยเเรกเกิดจนถึงวัยทารก คือเรื่องที่ง่ายที่สุดที่คุณพ่อคุณเเม่สามารถทำได้ เพื่อให้ลูกได้พัฒนาไอคิวให้สูงยิ่งขึ้น ซึ่งในวันนี้เรามี 5 เทคนิคในการตกแต่งห้องมาฝาก

1.โมบาย
แม้การเคลื่อนที่ไปช้าๆ ของวัตถุต่างๆ จะช่วยให้ลูกน้อยฝึกทักษะการมองตามวัตถุที่เคลื่อนที่ ซึ่งในบางครั้งคุณพ่อคุณเเม่จะเห็นว่า ลูกใช้เวลาจ้องมองวัตถุชิ้นที่เขาต้องการชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเอื้อมมือไปขว้าเอามา เเต่ช่วงเเรกเกิดลูกจะยังไม่สนใจที่จะมองเท่าไหร่นัก เพราะทักษะการทำงานประสานกันระหว่างสายตา การสัมผัส เเละการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กเเละใหญ่ ยังอยู่ในช่วงพัฒนาอยู่

2. ไฟกลางคืน 
เด็กเเรกเกิดสามารถนอนในห้องที่มืดสนิทในช่วง 2-3 เดือนเเรก เพราะเซลล์รับเเสงในม่านตาของลูกยังอยู่ในช่วงที่พัฒนา ดังนั้นเลยยังทำงานได้ไม่ดีเท่าไหร่ ดังนั้นการติดไฟกลางคืนตั้งเเต่เเรกเกิดจึงยังไม่จำเป็น

3. วัตถุรูปทรงต่างๆ
เด็กๆ ชอบที่จะมองเหลี่ยมมุมของวัตถุที่มีรูปทรงต่างๆ ที่เป็น 2 มิติ จริงๆ เเล้ว เวลาที่ลูกมองหน้าคุณพ่อคุณเเม่ก็จะมองที่ตีนผมที่เป็นจุดตัดระหว่างใบหน้ากับผมที่มีสีตัดกันนะคะ โดยมีนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสได้ทำการทดลองกับเด็กเเรกเกิดที่มีอายุเพียง 4 วันเท่านั้น เวลาที่เอารูปภาพของคุณเเม่ให้ดูเด็กจะจ้องมองดูนานกว่าภาพของคนเเปลกหน้า ส่วนเด็กที่มีอายุได้ 2 ขวบ จะเริ่มสนใจส่วนประกอบที่อยู่บนใบหน้า เเละเด็กที่โตกว่านั้นจะจำหน้าเเม่ได้เเม้จะเปลี่ยนสีผมหรือใส่เเว่น

ดังนั้นหากคุณพ่อคุณเเม่อยากให้ลูกจำหน้าตัวเองได้ อย่าใส่ผ้าคลุมผม หนวดปลอม จมูกยาง (หรือถ้าจะเเกล้งลูกก็ทำตรงกันข้าม เเต่ไม่เเนะนำ)

4. สีหลากหลาย
ตาของเด็กทารกเเรกเกิดมีความไวต่อสี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสีที่ตัดกันเช่น ขาวกับดำ เเละเฉดสีเทาที่มีหลากหลาย เเละเมื่อลูกอายุได้สัปดาห์กว่าๆ ก็จะมองเห็นสีเเดง สีส้ม สีเหลือง เเละสีเขียว เเต่ก็ใช้เวลาถึง 5 เดือนในการเเยกเเยะระหว่างสีเเดงเเละสีส้ม ดังนั้นการเเต่งห้องให้ลูกด้วยสีที่หลากหลายมากกว่าเเค่สีสดๆ ก็จะทำให้ลูกได้ใช้เวลาในการเเยกเเยะสีเเละรู้ถึงความเเตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ได้

5. ห้องเรียบๆ VS ห้องรกๆ
การตกเเต่งเเบบเรียบๆ หรือรกๆ นั้นดีต่อความฉลาดของลูก สิ่งที่เหมาะสมคือกลางๆ พอดีๆ ห้องที่เรียบมากไป ไม่เหมาะต่อการเลี้ยงลูก เพราะเเน่นอนว่ามันน่าเบื่อ (เเม้คุณพ่อคุณเเม่อาจจะมองว่ามันเรียบหรูก็ตาม) เเละเเน่นอนว่าห้องที่รกเกินไป ลูกก็ไม่รู้ว่าจะสนใจอะไรดี โดยเรื่องนี้ถึงกับมีการทดลองเลย

สิ่งที่น่ารู้ 
เด็กทารกมีการมองเห็นที่เเตกต่างจากผู้ใหญ่ สิ่งที่เเน่นอนคือลูกนั้นสายตาสั้นมากกว่าเรา เเละมีการมองเห็นที่เเคบกว่า ขณะที่ผู้ใหญ่สามารถมองเห็นสีเเละความเร็วในการเคลื่อนไหวได้ เเต่เด็กๆ นั้นทำไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่จะที่ช่วยให้ลูกมองเห็นได้ดีขึ้น คือ การมองสิ่งของต่างๆ บ่อยๆ เพื่อให้การมองเห็นของลูกได้พัฒนา

อ้างอิง https://www.sanook.com

สารพัดการเกิดโรค

เตือนภัย! สารพัดโรคอันตราย พนักงานออฟฟิศเสี่ยง “ออฟฟิศซินโดรม”

download (3).jpg

นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์  เปิดเผยว่า “กลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม”(Office syndrome) คืออาการที่มักเกิดขึ้นกับคนวัยทำงานที่ต้องนั่งทำงานในออฟฟิศทั้งวัน ไม่มีการออกกำลังกายเป็นประจำ และมีสภาพแวดล้อมในที่ทำงานที่ไม่เหมาะสมการระบายอากาศไม่ดี  ทำให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ ขึ้น

อาการของ ออฟฟิศซินโดรม

นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์  เปิดเผยว่า “กลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม”(Office syndrome) คืออาการที่มักเกิดขึ้นกับคนวัยทำงานที่ต้องนั่งทำงานในออฟฟิศทั้งวัน ไม่มีการออกกำลังกายเป็นประจำ และมีสภาพแวดล้อมในที่ทำงานที่ไม่เหมาะสมการระบายอากาศไม่ดี  ทำให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ ขึ้น

อาการของ ออฟฟิศซินโดรม

  • กล้ามเนื้ออักเสบและปวดเมื่อยตามอวัยวะต่างๆ
  • ปวดหลังเรื้อรังจากการนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์วันละ 8 ชั่วโมง ทำให้กล้ามเนื้อต้นคอ สะบัก เมื่อย เกร็งอยู่ตลอดเวลา
  • กระบังลมขยายได้ไม่เต็มที่ สมองได้รับออกซิเจนไม่เต็มที่ ทำให้ง่วงนอน
  • หากมีความเครียดจะส่งผลให้โรคนี้รุนแรงมากขึ้น เช่น เป็นไมเกรนหรือปวดศีรษะเรื้อรัง ปวดตา หน้ามืด
  • อาการอาจรุนแรงจนถึงขั้นหมอนรองกระดูกเสื่อมหรือหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาทได้
  • กลุ่มอาการระบบทางเดินหายใจและภูมิแพ้ เนื่องจากการทำงานอยู่ในที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เครื่องปรับอากาศไม่สะอาด รวมไปถึงสารเคมีจากหมึกของเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องแฟกซ์ และเครื่องพิมพ์เอกสาร ซึ่งวนเวียนอยู่ภายในห้องทำงานอีกด้วย

>> ปวดแบบไหน สัญญาณอันตราย “หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท”

>> “หมอนรองกระดูกคอเสื่อม” โรคฮิตของคนทำงาน

>> 5 พฤติกรรมเสี่ยง “หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท”

วิธีป้องกันออฟฟิศซินโดรม

นายแพทย์สมบูรณ์ ทศบวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี กล่าวถึงการรักษากลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม ว่าทำได้เพียงปรับเปลี่ยนอิริยาบถ แต่หากอาการไม่ดีขึ้นอาจต้องให้ยาบรรเทาอาการหรือต้องได้รับการผ่าตัด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ได้จัดตั้งคลินิกอาชีวเวชศาสตร์เพื่อให้การรักษาผู้ที่ป่วยด้วยโรคจากการทำงาน ซึ่งประชาชนที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการออฟฟิศซินโดรม สามารถปรึกษาได้ที่คลินิกฯ หรือสอบถามได้ที่สายด่วน  02 517 4333 ในวันและเวลาราชการ

‘เบลล่า’ เผยความประทับใจเข้าเฝ้าพระราชินีโมนีแห่งกัมพูชา

เด็กเรียน.jpg

“เบลล่า” ราณี แคมเปน เปิดใจหลังได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระราชชนนีนโรดม มุนีนาถ สีหนุ หรือ พระราชินีโมนีก แห่งกัมพูชา

ฮอตเปรี้ยงปร้างข้ามประเทศจริงๆ สำหรับนางเอกชื่อดัง “เบลล่า” ราณี แคมเปน ที่ไปร่วมงานอีเว้นท์ที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งทันทีที่บินไปถึงมีแฟนคลับทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชาจำนวนมากมารับที่สนามบิน

ซึ่งการไปครั้งนั้น เบลล่ายังได้รับพระราชทานพระราชานุญาตจาก พระมหาวีรกษัตรีย์นโรดม มุนีนาถ สีหนุ พระวรราชมารดา หรือที่ประชาชนชาวกัมพูชาขนานพระนามพระองค์ว่า “พระราชินีโมนีก” ให้เข้าเฝ้า ณ พระราชตำหนักกันธะบุปผา ในพระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา

“บันเทิง คมชัดลึก” ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์นางเอกสาวชื่อดังถึงเรื่องนี้

ความรู้สึกที่ได้เข้าเฝ้าพระราชินีโมนีกแห่งกัมพูชา

“รู้สึกเป็นเกียรติมากๆ ที่ท่านได้พระราชทานวโรกาสให้เข้าเฝ้า ถือเป็นเกียรติสูงสุด และเป็นอาศัยที่ไม่คิดว่าจะได้รับโอกาสนี้ อีกหนึ่งความประทับใจอย่างหาที่สุดไม่ได้คือท่านได้พระราชทานของให้ด้วย มีผ้ามัดหมี่และดีวีดีคอนเสิร์ตที่ท่านทรงแสดงดนตรีด้วยพระองค์เอง ท่านมีพระเมตตามากๆ”

ไปครั้งนี้มีแฟนๆ กัมพูชาให้การตอบรับดีมาก เพราะไปรับกันจนสนามบินและห้างแตกกันเลย

“ใช่ค่ะ แฟนๆ กัมพูชาให้การตอบรับอย่างดีมากๆ (ยิ้ม) ตั้งแต่ไปถึงเลย มีแฟนๆ มารอรับที่สนามบินค่อนข้างเยอะ และที่เซอร์ไพรส์มากๆ คือที่แฟนคลับชาวกัมพูชาร้องเพลง บุพเพสันนิวาสให้ด้วย ตั้งแต่ตอนไปถึงเลย มีดอกไม้ต้อนรับ มีเสื้อมีของมาฝากด้วย ดีใจมากๆ ที่ได้กลับมาเจอแฟนๆ กัมพูชาอีกครั้งหนึ่ง โดยไปครั้งนี้เบลไปทำงานด้วย ซึ่งในงานก็มีแฟนคลับมาต้อนรับที่งานอย่างอบอุ่นเหมือนเดิมเลย ทั้งแฟนคลับชาวกัมพูชาและชาวไทยที่บินตามไป แต่ที่เพิ่มเติมจากที่มาครั้งก่อน คือละครมาออนแอร์ที่กัมพูชามาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว โดยตอนนี้มีละครเรื่องบุพเพสันนิวาสที่กำลังออนแอร์ที่นั่นอยู่ ซึ่งในงานเบลร้องเพลงบุพเพสันนิวาสด้วย และมีแฟนๆ ร้องตามกันเสียงดังมาก และเขาก็มีรู้ศัพย์รู้คำที่เกี่ยวกับในละครเยอะมากๆ ดีใจมากๆ ที่แฟนให้การตอบรับดีขนาดนี้ คือการตอบรับของแฟนๆ ทำให้เบลรู้สึกอบอุ่น และอยากที่จะกลับไปบ่อยๆ ถ้ามีโอกาสเบลสัญญาว่าจะกลับไปอีกแน่นอนเลย”

นอกจากกัมพูชาแล้วจะมีไปประเทศไหนอีก

“แพลนในเร็วๆ นี้คือยังไม่มี แต่ก็มีหลายประเทศติดต่อมา ตอนนี้คือต้องดูเรื่องของคิว เพราะเบลมีละคร 2 เรื่องที่ยังต้องถ่ายทำอยู่”

อยากบอกอะไรแฟนๆ ที่ต่างประเทศที่เขาชื่นชมผลงานและอยากเจอเบลล่า

“ต้องขอบคุณมากๆ ที่ชื่นชมผลงานของเบล และชื่นชอบในตัวเบล เบลก็ขอให้ทุกคนมีความสุขกับผลงานที่เบลตั้งใจทำออกมาให้ทุกคนได้ดู ถ้ามีโอกาสก็อยากที่จะไปเจอแฟนๆ ในทุกๆ ที่เลย หรือถ้าแฟนๆ ต่างประเทศมีโอกาสก็มาเจอเบลที่ประเทศไทยได้นะคะ มาทักทายกันได้เลย ขอบคุณทุกๆ คนมากๆ

อ้างอิง http://www.msn.com/th-th/entertainment/celebrity

นกแก้ว

นกแก้ว

นกแก้ว (Parrot) เป็นนกสวยงามที่นิยมเลี้ยงมากที่สุดในบรรดานกสวยงามทั้งหลาย เนื่องจาก ขนลำตัวมีสีสันสวยงาม สีขนฉูดฉาด มีหลายสี อีกทั้ง เป็นนกที่เลี้ยงง่าย และมีอายุยืนยาว รวมถึงบางชนิดส่งเสียงร้องเป็นเพลง และมีความเฉลียวฉลาด

hqdefault.jpg

ไม่ว่าตอนนี้คุณจะกำลังมองหา นกแก้ว สักตัวมาเลี้ยง หรือจะเลี้ยงนกแก้วอยู่แล้ว คงจะได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับนกแก้วกันมาไม่น้อย แต่ไม่ว่าคำบอกเล่าเหล่านั้นจะเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ก็ไม่ควรจะหลงเชื่อจนกว่าจะได้พิสูจน์ความจริงด้วยตัวเอง และวันนี้ก็เป็นโอกาสอันดีที่ทุกคนจะได้ร่วมพิสูจน์ความจริงเกี่ยวกับนกแก้วไปพร้อม ๆ กัน กับข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเลี้ยงนกแก้วที่ควรรู้ จะได้เข้าใจนกแก้วมากขึ้น

1. นกแก้วเป็นสปีชีส์ไม่ใช่สายพันธุ์

นกแก้วเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความแตกต่างออกไปจากสุนัขและแมวมาก เพราะถึงแม้สุนัขแต่ละตัวจะมีหน้าตาไม่เหมือนกัน แต่สุนัขทั้งหมดต่างก็สืบเชื้อสายมาจากสปีชีส์เดียว แค่มีความแตกต่างทางสายพันธุ์ เช่นเดียวกับแมว ในขณะที่นกแก้วไม่ได้ต่างกันแค่ตระกูลกับรูปกายภายนอกเท่านั้น แต่ในเรื่องอื่น ๆ ก็มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารอาหารการกิน ความต้องการ หรือถิ่นที่อยู่อาศัย อีกทั้งในตอนนี้นกแก้วก็มีมากกว่า 100 สปีชีส์แล้ว ดังนั้นหากจะใช้ความรู้เบื้องต้นเลี้ยงนกแก้วอย่างเดียวคงไม่พอ คงจะดีกว่าหากมีการศึกษาเกี่ยวกับสปีชีส์ของนกแก้วที่จะนำมาเลี้ยงอย่างลึกซึ้ง

2. นกแก้วเป็นสัตว์ที่ฝึกได้แต่ไม่เชื่อง

เนื่องจากสุนัขกับแมวถูกปรับเปลี่ยนสายพันธุ์มาหลายร้อยปี เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันคนได้ ในขณะที่นกแก้วยังอาศัยอยู่กับธรรมชาติ และเพิ่งกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงเมื่อไม่นานมานี้เอง ดังนั้นนกแก้วจึงอาจไม่ใช่สัตว์ที่สมบูรณ์แบบมากนักในฐานะที่เป็นสัตว์เลี้ยง เพราะนกแก้วไม่ใช่สัตว์ที่ทำให้เชื่องได้ และการฝึกด้วยคำสั่งจะไม่ได้ผล แต่ถ้าหากต้องการให้นกแก้วมีพฤติกรรมที่พึงประสงค์ เปลี่ยนจากการออกคำสั่งเป็นการเสริมแรง โดยการให้รางวัลเมื่อนกแก้วทำพฤติกรรมที่เป็นที่พอใจของเจ้าของดีกว่า

3. นกแก้วก็มีภาษากายช่วยในการสื่อสาร

เนื่องจากคนอยู่ร่วมกับสุนัขและแมวมานาน ดังนั้นการอ่านภาษากายของสัตว์ทั้ง 2 ชนิดนี้จึงเป็นเรื่องง่าย ในขณะที่การอ่านภาษากายของนกแก้วเป็นเรื่องยากพอสมควร แต่ถึงเป็นอย่างนั้นเจ้าของก็ควรจะใช้ความพยายามเพื่อทำความเข้าใจในสิ่งที่นกแก้วต้องการสื่อสารกับคุณให้ได้ อย่างเช่น เมื่อนกแก้วต้องการให้เจ้าของแสดงความรัก หรือแค่อยากจะกลับเข้ากรง เป็นต้น ซึ่งหากสามารถเรียนรู้ที่จะสื่อสารกับนกแก้วได้ พฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ได้แก่ การเปล่งเสียงกรีดร้องหรือการจิกกัดก็จะหายไป เพราะการสื่อสารผ่านภาษากายเป็นผลสำเร็จนั่นเอง

4. นกแก้วก็ต้องการอาหารที่หลากหลาย

มือใหม่หัดเลี้ยงนกแก้วหลายคนอาจจะเข้าใจว่า อาหารสำเร็จรูปมีสารอาหารที่นกแก้วต้องการเพียงพออยู่แล้ว ทั้งที่ความจริงแล้วนกแก้วต้องการสารอาหาร และอาหารที่มีความหลากหลายมากกว่านั้น เพราะตามธรรมชาตินกแก้วไม่ได้กินแค่ผักผลไม้สด หรือเมล็ดพืชเพียงอย่างเดียว แต่บางครั้งก็ยังกินใบไม้ ตัวอ่อนของแมลง รวมไปถึงดิน โคลน หรืออะไรก็ตามที่ให้สารอาหารที่นกแก้วต้องการด้วย นอกเหนือจากนี้อย่าเผลอให้นกแก้วกินอาหารคนเชียว เพราะบางอย่างอาจกลายเป็นพิษทำร้ายนกแก้วได้

5. นกแก้วอาจทำให้มีรายจ่ายมากขึ้น 

เนื่องจากนกแก้วมีโครงสร้างที่ซับซ้อนและร่างกายก็บอบบางกว่าสุนัขกับแมวมาก ดังนั้นเมื่อนกแก้วป่วยก็อาจส่งผลให้ค่ารักษาพยาบาลของพวกมันสูงตามไปด้วย เพราะสัตว์แพทย์จำเป็นต้องสั่งเครื่องไม้เครื่องมือ และยาที่ใช้ในการรักษานกแก้วมาใช้เป็นพิเศษ ดังนั้นสัตว์แพทย์เองก็เลยต้องเก็บค่ารักษาพยาบาลสำหรับนกแก้วสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งหากคิดจะเลี้ยงนกแก้วก็ควรยอมรับจุดนี้ให้ได้

       à¸™à¸à¹à¸à¹‰à¸§
อ้างอิง  https://pet.kapook.com

ไอเดียแปลงโฉมข้างบ้านให้กลายเป็นบ่อเลี้ยงปลาคูลๆ ในพื้นที่แคบและลึก

ไอเดียแปลงโฉมข้างบ้านให้กลายเป็นบ่อเลี้ยงปลาคูลๆ ในพื้นที่แคบและลึก

สวัสดีเพื่อนๆ ชาวเว็บ iHome108 วันนี้เรานำเสนอเพื่อนๆชาวเว็บเกี่ยวกับ ไอเดียการจัดพื้นที่ แปลงโฉมพื้นที่แคบทรงลึกข้างบ้าน ให้กลายเป็นพื้นที่บ่อเลี้ยงปลาคูลๆ ช่วยสร้างบรรยากาศที่สดชื่น เป็นธรรมชาติ หากมีพื้นที่ว่างจำกัดข้างบ้าน เป็นแนวทางสำหรับคนที่อยากจะมีบ่อเลี้ยงปลาในบ้านไว้พักผ่อนหย่อนใจ อีกไอเดียหนึ่งที่นักแต่งบ้านชอบใช้ในการเพิ่มมุมสวยๆ ให้กับบ้าน น่าสนใจยังไงเราไปชมกัน

ไอเดียการตกแต่งสวนด้วย การก่อ ขุด สร้าง บ่อเลี้ยงปลาไว้ที่สวนในบ้าน บริเวณข้างบ้าน อีกหนึ่งความชื่นชอบของคนรักสวน เพราะนอกจากจะช่วยสร้างบรรยากาศที่สดชื่นเป็นธรรมชาติแล้ว ยังให้สวนข้างบ้านสวยน่ามอง ถือเป็นการเพิ่มพื้นที่ในการพักผ่อนเพิ่มขึ้นของบ้าน สวยงามยังไงเรามาชมกัน

เรามาดูกันว่า ไอเดีย แปลงโฉมข้างบ้าน ให้กลายเป็น บ่อเลี้ยงปลาคูลๆ ในพื้นที่ แคบและลึก ที่เราเอามาฝากเพื่อนๆ ชาวเว็บ iHome108 มีอะไรน่าสนใจเราไปชมกัน

Image

อ้างอิง https://sanook.com

สัมผัสบรรยากาศแห่งพงไพรได้ในรั้วบ้าน กับสวน “ยิ่งโต ยิ่งป่า”

สัมผัสบรรยากาศแห่งพงไพรได้ในรั้วบ้าน กับสวน "ยิ่งโต ยิ่งป่า"

จะเป็นอย่างไร? ถ้าเราสามารถนอนอยู่ท่ามกลางความเขียวขจีของท่ามชาติ คลอเคล้าเสียงน้ำตกที่หลั่งไหล ตื่นมาพร้อมกับอากาศแสนสดชื่น โดยไม่ต้องออกเดินทางไปที่ไหน ช่วงนอกบ้านวันนี้ เราขอแนะนำสถานที่พักผ่อนอย่างบ้าน ที่ยกป่ามาปกคลุมโดยรอบไว้ เพราะที่นี่ยิ่งโต ยิ่งป่าครับ

สวนแห่งนี้มีไอเดียเริ่มจากการที่คุณหมออาร์ต อยากที่จะใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติ แต่ไม่ได้มีเวลาว่างไปพักผ่อนได้บ่อยๆ จึงได้ปรึกษากับพี่ต้อม นักออกแบบสวนจาก พนา 1000 เมืองต้นไม้ จนออกมาเป็นสวนยิ่งโต ยิ่งป่า อย่างที่เราได้เห็นกัน ความพิเศษของสวนนี้ยังมีอีกนะครับ เพราะสวนแห่งนี้ได้รับเลือกลงในหนังสือสวนธรรมชาติ อีกด้วยครับ

พื้นที่สวนของที่นี่มีขนาดประมาณ 100 ตารางวาครับ ทำให้ทุกมุมที่เราได้เดินเยี่ยมชมนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนกับเดินอยู่ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพรจริงๆ เลยทีเดียวเชียว

ด้วยการออกแบบที่ผสมผสานการยกป่ามาไว้ในบ้าน ทำให้บริเวณที่เชื่อมติดกับตัวบ้านหรือก็คือห้องนั่งเล่น มีการดีไซน์ลูกเล่นของบ้านติดสวนเอาไว้ โดยจะมีบ่อปลาอยู่บริเวณหน้าบ้าน ให้พักผ่อนสายตาหรือมานั่งเล่นกับเจ้าปลาตัวน้อยใหญ่ได้อีกด้วย

อ้างอิง  https://www.sanook.com

ร้านกาแฟล้านนาในบรรยากาศแบบกรีนซีซั่น

 

32861065_1785696308154610_754705743378120704_n_1529565527.jpg

เก๊าไม้ล้านนารีสอร์ท คือที่ตั้งของร้านกาแฟแห่งหนึ่งซึ่งมีความพิเศษมากกว่าร้านกาแฟธรรมดาทั่วไป ร้านกาแฟแห่งนี้มีความร่มรื่นจากต้นไม้ที่เขียวขจี

มีการตกแต่งด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ มองดูสบายตา ร้านนี้มีชื่อว่า Kaomai Estate 1955

32861041_1785696051487969_892

32818028_1785695988154642_283

ร้านกาแฟแห่งนี้ เป็นอาคารเก่าที่ปรับเปลี่ยนมาจากอาคารโรงบ่มใบยาสูบในอดีตที่มีอายุยาวนานกว่า 60 ปี

ให้กลายเป็นร้านกาแฟสุดชิค ที่รายล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียวกลางเมืองเชียงใหม่

ภายในตกแต่งสไตล์โคโลเนี่ยลดูเรียบหรู สบายๆ ภายนอกจะมีมุมถ่ายรูปสวยๆ มากมาย ไม่ว่าจะถ่ายตรงมุมไหนก็จะรู้สึกได้ถึงความสดชื่นของธรรมชาติ

แนะนำเลยครับสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีแผนกำลังจะไปเที่ยวเชียงใหม่ ลองแวะมาพักร้อนระหว่างการเดินทางที่ร้านกาแฟเชียงใหม่แห่งนี้ดู

นอกจากจะได้ลิ้มรสกาแฟอร่อยและขนมหวานแล้วยังจะได้รูปภาพสวยๆ รวมถึงความประทับใจกลับไปด้วยรับประกันว่าสวยมากจริงๆ ครับห้ามพลาด

33043209_1785696134821294_875

อ้างอิง  https://www.sanook.com